[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!

สวัสดีพี่ๆและก็เพื่อนๆพันทิปนะคะ เราชื่อแอมนะคะ วันนี้เราขอเข้ามาแชร์ประสบการณ์การไปทำศัลยกรรมทั้งหมดที่เราเคยทำ! หลังจากที่ตามอ่านมาบ้าง
(ที่จริงเราเคยมารีวิวไปครั้งนึงตอนทำหน้าอก แต่ว่ากระทู้ปลิวเฉยเลย) สำหรับการทำครั้งนี้เราเป็นคนรีวิวเอง
เสียเงินเอง และก็สวยเองคนเดียวด้วย เลยอยากมาแบ่งปันเรื่องราวความสวยให้ได้อ่านกันนะคะ
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
สมัยเด็กๆ ยังแก่นเซี้ยวเปรี้ยวซ่าอยู่เลยค่ะ
เราเป็นเด็กต่างจังหวัดค่ะ มาเรียน กทม. ได้พักนึงก็เริ่มหาเงินเองโดยการรับงานพวก Pc งานเล็กๆ และแจกใบปลิวตามงานต่างๆ ทำไปเรื่อยๆ ได้เงินไม่เยอะ
ตอนนั้นเหนื่อยนะคะ เพราะเราไม่เคยทำงานมาก่อน ได้เงินมาก้อนแรกนี่น้ำตาซึมเลย
รู้สึกถึงความเหนื่อยของพ่อแม่ขึ้นมาทันที
ทำไปได้ซักพักนึงก็เริ่มมีคนสนใจให้เราไปถ่ายแบบเล็กๆน้อยๆ จนมีรุ่นพี่ที่รู้จักชวนเข้าวงการพริตตี้ เราก็เริ่มมีเงินเก็บขึ้นมาเยอะกว่าเดิม
และเริ่มดูแลตัวเองให้ดีขึ้น นี่แหละค่ะที่เป็นจุดเริ่มต้นให้เราเริ่มคิดถึงเรื่องการทำศัลยกรรม
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
เราคนข้างหลังเองค่ะ สมัยเด็ก ตอนทำงานแรกๆ เลยค่ะ
ศัลยกรรม = ของปลอม
เราเคยได้ยินมานะคะว่าทำศัลยกรรมเนี่ยดูปลอม หน้าพลาสติก ใครทำเยอะๆ ก็โดนว่าลับหลัง บางทีก็ได้ยินเต็มๆเลยว่า ลูกออกมาจะเหมือนแม่มั้ย
เราว่ามันเหมือนการปิดกั้นความคิดนะ สวยธรรมชาติคือดี? เราบอกเลยว่าส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดมาโชคดีขนาดนั้นหรอก
บางคนโดนล้อ หนักหน่อยก็โดนแกล้ง แต่สำหรับเราศัลยกรรมคือการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นมากกว่านะ มันทำให้เรารู้สึกมั่นใจ
และกล้าแสดงออกมากขึ้นมากกว่าเดิมอีก
เข้าสู่เส้นทางศัลยกรรม 
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
รูปเมื่อก่อนกับตอนนี้ ดูดีขึ้นบ้างป่ะคะ 5555
เราจะขอเล่าตั้งแต่เริ่มแรกที่มีความอยากจะศัลยกรรม เราเดาว่าอย่างแรกที่สาวๆอยากทำคือ จมูก รวมทั้งเราด้วย แต่ก่อนจะทำก็เริ่มหาข้อมูลจากรีวิวและถามพี่ๆเพื่อนๆ พอได้ข้อมูลที่เยอะจนเรามั่นใจมากๆ ก็ดูบรรยากาศ และการบริการ หลายๆ อย่างรวมกัน แล้วคิดว่าที่ที่เราเลือกไว้นี่แหละเหมาะที่สุดแล้ว เพราะหลังจากที่ได้ไปปรึกษามา…
1. มีคุณหมอเชี่ยวชาญเทคนิคนี้เป็นพิเศษ และศึกษาโดยตรงจากที่เกาหลี เราไม่ได้ ทำจมูกแบบซิลิโคน นะ แต่เป็นอะไรข้ามไปอีกขั้นหนึ่งค่ะ (เรียกว่าการทำจมูกแบบ Nose Reconstruction หรือ ปรับโครงสร้างจมูกใหม่) เพราะจมูกเดิมเรามีน้อยมาก คุณหมอแนะนำว่าควรทำแบบนี้ เพราะเราคิดว่าแค่ซิลิโคนคงไม่ช่วยอะไร

2. มีการดมยาโดยวิสัญญีแพทย์ หลังจากที่งงว่าทำไมต้องดมยาสลบ คุณหมอเคลียร์ข้อสงสัยให้นะ ว่าการทำจมูกแบบปรับโครงสร้างจมูกใหม่ จะมีการตกแต่งพวกกระดูกอ่อนในจมูกด้วย ซึ่งมีความละเอียดอ่อนมาก การดมยามันจำเป็น และต้องใช้วิสัญญีแพทย์ที่จบจากด้านนี้โดยตรงมาดูแลโดยเฉพาะด้วย เพื่อความปลอดภัยค่ะ

3. มีเดินทางสะดวก เราไม่มีรถ เวลาหาที่ทำ ก็ต้องอยู่ในที่ที่เดินทางได้หลากหลายค่ะ อย่าง BTS หรือที่ที่หารถกลับง่ายๆ

4. มีการบริการที่ดี จากที่เข้าไปปรึกษาหลายที่ ที่นี่ดีที่สุด พนักงานคุยกับเราดีทุกครั้ง มีน้ำมีขนมมาให้เรื่อยๆ ค่ะ

5.ความสะอาด ที่นี่เล็กแต่ว่าสะอาด มีแม่บ้านคอยทำความสะอาดอยู่ตลอดเลยค่ะ ห้องน้ำก็สะอาดอยู่นะคะ

เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ ปูเสื่อรอได้เลย

ครั้งแรก – ทำจมูก
(ต้องบอกก่อนว่าเราทำจมูกทั้งหมด 2 ครั้ง แต่ขอเล่าประสบการณ์การทำจมูกครั้งแรกของเราก่อนนะคะ)
วันที่เข้าไปปรึกษา – ครั้งแรกที่ทำหลังจากได้คุยกับคุณหมอ คุณหมอก็มีการดูเนื้อจมูก ดูโครงจมูก ประเมินเยอะมาก จำได้ว่าครั้งแรกที่คุยกับคุณหมอคือขอให้จมูกโด่งๆ ดูพุ่งๆ ดูเป็นหยดน้ำ คุณหมอก็อธิบายว่าเราจมูกเล็กนะ มีฐานจมูกกว้างและค่อนข้างเล็กและแบน หมอต้องยกฐานจมูกให้ดูสูงขึ้น มีใช้กระดูกอ่อนหลังหูร่วมกับกอเท็กซ์ และตกแต่งกระดูกอ่อนที่ปลายจมูกให้ปลายดูพุ่งและยาวขึ้นด้วยค่ะ (ที่จริงคุณหมอพูดเยอะมาก มีภาษาแพทย์ด้วย เราสรุปให้ประมาณนี้นะคะ)
ตอนไปทำจมูกเราเด๋อมาก เข้าไปที่คลินิกก็ไปนั่งรอจนพี่พนักงานเข้ามาถามคือไม่เคยศัลยกรรมมาก่อน เลยรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษแบบมือสั่นเหงื่อแตกมึนงงตอนนั้นเรียกว่าเรากลัวก็ได้ มีให้อดข้าว อดน้ำด้วย แต่ตอนนั้นก็ตื่นเต้นสุดๆ จนลืมหิวไปเลย พี่พนักงานพาไปเปลี่ยนชุดล้างหน้าเราก็งงๆ อารมณ์เหมือนคนโดนยาป้าย 555 พี่เค้าให้ไปถ่ายรูปก่อนทำเราก็เดินเป็นซอมบี้จนพี่เค้าถามว่าตื่นเต้นหรอ ตอนนั้นก็อายมาก พอเข้าห้องได้ทำจริงๆ  สรุปว่าเราหลับ เพราะหมอที่เป็นวิสัญญีแพทย์ให้ยาสลบกับเราค่ะ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ในห้องรับรองแล้วค่ะ พี่พยาบาลก็เอาข้าวเอาน้ำมาให้เรากิน พอเรากินเสร็จก็ได้กลับบ้าน ตอนกลับบ้านก็ยังรู้สึกมึนอยู่ดีที่พาเพื่อนมาด้วยเลยให้เพื่อนจูงกลับบ้านซะเลย 555
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
สรุป – ครั้งแรกที่ได้ทำศัลยกรรม ความรู้สึกตอนนั้นคือปวดจมูกรู้สึกมันระบมมาก หายใจก็ลำบาก เพราะคุณหมอเอาผ้าก๊อซ ยัดไว้ แล้วก็ไม่เห็นทรงจมูกเลยเพราะคุณหมอเค้าใส่เฝือกดามจมูกมาให้ด้วย นอนก็ลำบากมากต้องนอนแบบเอนหลังหลับ นอนตะแคงไม่ได้ นอนราบไม่ได้ เดี๋ยวเลือดจะคั่งที่จมูกแล้วก็กลัวว่าทำให้จมูกเอียง เพราะเป็นการทำจมูกครั้งแรกอะไรอะไรก็ดูน่ากลัวไปหมด เราไม่กล้าจับจมูก ขนาดมีเลือดไหลออกมาเรายังไม่กล้าเอามือเช็ดเลย ต้องใช้คอตตัลบัตค่อยๆ แตะเอา แล้วช่วงนั้นก็กินแต่น้ำใบบัวบกจนแทบจะกินแทนน้ำ กินฟักทองต้ม กินยา อะไรที่เค้าว่าช่วยลดบวมลดช้ำเราทำตามหมดค่ะ นอนพักอยู่ห้องวนไปแทบไม่กล้าออกไปไหนเลยค่ะ แต่พอได้ถอดเฝือกก็รู้สึกว่าสมกับที่อดทนมาตลอด จมูกยาวสวย ดูโด่ง ปลายสโลปสวยแบบเกาหลีมาก แต่ทำให้เราขยาดเรื่องศัลยกรรมไปพักนึงเลยค่ะเพราะดูแลค่อนข้างยากค่ะ 555
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
ครั้งที่สอง – เสริมนม
ทำจมูกครั้งแรกไป 2 ปี เรารู้สึกว่าชีวิตดีขึ้น เริ่มมั่นใจ เริ่มฝึกเรื่องการพูดและบุคลิกดีขึ้น เรากล้าไปแคสงานที่ใหญ่มากขึ้น แล้วงานเราก็เริ่มมีเยอะขึ้น แต่พอทำงานไปได้พักใหญ่ๆ แล้วเริ่มมองเห็นหน้าอกตัวเอง ที่มันเล็กขัดใจเราเหลือเกิน อีกอย่างเราเป็นคนตัวเล็กด้วยมั้ง เวลาไปแคสงานใหญ่ๆเลยรู้สึกเสียเปรียบคนอื่น ที่เค้าสูงยาวว! เข่าดี! หุ่นเปรี๊ยะ! ยิ่งเรื่องนมนี่ยอมค่ะ เราก็เริ่มหาข้อมูลเสริมนมค่ะ ตัดสินใจอยู่ 2 เดือน นั่งทำงานเก็บเงินไปด้วย อ่านรีวิวไปด้วย จนสุดท้ายเลือกคลินิกเดิมค่ะ เพราะรู้สึกว่าประทับใจตั้งแต่ทำจมูกครั้งก่อนแล้วก็อุ่นใจเล็กๆ เพราะคุ้นเคยค่ะ
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
วันที่เข้าไปปรึกษา – ตอนเข้ามาปรึกษาทำจมูกตอนนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรเข้าไปก็คุยๆๆ กับคุณหมอได้เลย แต่พอตอนเสริมนมนี่สิ เราต้องไปเปิดนมให้คุณหมอดู! โอ้ยพระสงฆ์เกิดจากท้องพ่อท้องแม่ ก็ไม่เคยเปิดนมให้ใครดูเลย เกร็งมากๆ แต่คุณหมอก็ทำตัวสบายๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติ แล้วถามรายละเอียดเราเยอะมากจนเราอายไม่ทันเลย 555 เช็คเสร็จคุณหมอก็แนะนำให้ใส่ซิลิโคนขนาด 280 CC ทรงกลม ผิวทราย เสริมแบบใต้กล้ามเนื้อให้ดูธรรมชาติ ดูซีซีเหมือนน้อยแต่เราตัวเล็กคุณหมอบอกเสริมใหญ่เกินไปจะไม่สมส่วนเท่าไหร่ ยิ่งถ้าอยากเสริม 400 CC จะดูใหญ่มาก ดูแปลกๆ แถมปัญหาระยะยาวมีเยอะมาก อย่าเสี่ยงเลยดีกว่า พอเราได้ลองจับซิลิโคนดูนิ่มๆ คิดสักพักก็ตัดสินใจฟังคุณหมอดีกว่า อีกอย่างเราอยากทำเพื่อให้ดูสาวขึ้น ใส่เสื้อผ้าสวยก็พอแล้ว เลยทำให้เราตัดสินไม่ยากเลย
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
เสริมนมครั้งนี้ได้ดมยาสลบเหมือนเดิม ไม่กลัวเหมือนตอนทำจมูกแล้วค่ะ เพราะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเลย ก่อนจะทำก็แค่อดข้าว อดน้ำเหมือนเดิม เข้าคลินิกก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้า ใส่ชุดคลุม พอเดินเข้าห้องผ่าตัดมีคุณหมอที่เป็นวิสัญญีแพทย์เหมือนเดิมมาคอยวางยาสลบให้จากนั้นก็หลับเหมือนเดิมจ้า ตื่นมาในห้องรับรองครั้งนี้ เป็นความรู้สึกที่หนักอกหนักใจมากกก  เจ็บจี๊ดที่หน้าอก น้ำตาเราแตกเลยค่ะ  5555 พี่พยาบาลก็เช็ดหน้าเช็ดตาสอบถามเราตลอด พอเรานั่งไหวพี่พยาบาลก็เอาข้าวต้ม เอาน้ำแดงมาให้ค่ะ รอบนี้ประทับใจกว่าครั้งแรกอีกค่ะ เพราะพี่พยาบาลและพี่พนักงานคอยมาดูแลมาสอบถามอยู่ตลอด ตอนนั้นกลับเองไม่ไหวจนต้องให้พี่พนักงานเรียกรถแท็กซี่ให้เลยค่ะ
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
เสริมนมเราว่าดูแลไม่ยุ่งยากเหมือนตอนทำจมูกนะ คือถามว่าเจ็บกว่ามั้ย เราว่าเจ็บกว่านะ มันมีความแน่นหน้าอก มีความหน่วง มีความอึดอัดไม่สบายตัว คืออารมณ์ตอนนั้นมันแน่นไปหมด แต่การดูแลแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ใส่ซัพพอร์ต ทานยา และห้ามให้แผลโดนน้ำก่อนตัดไหมแค่นั้นเอง ช่วงนั้นเราก็แอบไปเที่ยวบ้างเหมือนกัน แต่งดแอลกอฮอล์ยาวๆไปก่อน 555 ช่วงที่ไปตัดไหมก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เข้าไปติดต่อที่คลินิกเค้าก็จะให้พี่พยาบาลมาตัดไหมให้ มันก็จะรู้สึกเสียวแปลบๆ ตอนดึงไหม เสร็จคุณหมอก็เข้ามาดูค่ะ ว่าแผลมีปัญหาหรือเปล่า ทรงอกได้รูปหรือเปล่า แต่ถ้าจะดูว่าเข้าที่หรือยังก็ต้องรอไป 3-6 เดือนเลยค่ะ
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
สรุป – เสิรมนมครั้งนี้เราพอใจมากๆ หน้าอกเรานิ่มดีค่ะและดูใหญ่ (ดีที่ไม่เสริมขนาดใหญ่กว่านี้ 5555) จากเด็กใสใสตอนนี้กลายเป็นดูผู้ใหญ่ขึ้น บุคลิกดีขึ้น จากเมื่อก่อนเราชอบยืนห่อไหล่ แต่เดี๋ยวนี้ถ้ายืนห่อไหล่จะรู้สึกหน่วงหน้าอกทันที! ต้องยืดอกตลอด ทำให้หลังตรงดูมั่นใจไม่ห่อเหี่ยวแล้วค่ะ ที่สำคัญนี่รับงานแบบเซ็กซี่ๆมากขึ้น แต่พอหน้าอกใหญ่ไม่ได้มีแต่เรื่องดีๆนะคะ เรื่องที่ทำให้รู้สึกหงุดหงิดก็มีเหมือนกัน คือเวลาคุยชอบโดนมองนม ไม่มองหน้าค่ะ(ขำๆ นะคะ) และอีกอย่างต้องเปลี่ยนเสื้อในใหม่ยกตู้เลย เปลืองตังชะมัด 555
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
ครั้งที่สาม – อัพเกรดจมูกใหม่
พอเสริมนมได้ครึ่งปี ก็อยากทำจมูกใหม่ ที่จริงจมูกเก่ามันไม่ใช่ไม่ดีนะ เรารู้สึกว่าอยากให้จมูกโด่งขึ้น เพราะที่ทำทรงเก่ามันจะสโลปปลาย แต่เรารู้สึกว่าแนวเกาหลีคงไม่ใช่สไตล์เราแล้ว อยากดูเฉี่ยว ดูคม แบบสายฝรั่งเลยตัดสินใจเข้าไปปรึกษาคุณหมอคนเดิมที่เราเคยทำจมูกด้วยค่ะ คุณหมอก็ไม่ห่วงเรื่องการแก้ทรงใหม่ให้ แต่ห่วงที่ราคาจะสูง เพราะว่าเราเคยทำจมูกไปแล้ว แต่เพื่อความสุขทางใจของเรา เรายอมค่ะ
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
วันที่เข้าไปปรึกษา – ทำจมูกครั้งนี้คุณหมอจะยกกระดูกอ่อนที่ปลายจมูกให้สูงขึ้น และใส่กอเท็กซ์เพื่อเพิ่มให้สันจมูกดูยกและโด่งเป็นสัน จะไม่ดูสโลปเหมือนครั้งแรกค่ะ ตอนแรกก็กังวลว่าเคยใส่กอเท็กซ์ไปแล้วรอบหนึ่งจะเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะเคยได้ยินมาว่าในกอเท็กซ์จะมีรูเล็กๆทำให้เนื้อเยื่อเข้าไปเติบโตข้างใน เวลาเอาออกเนื้อเยื่อจะพัง แต่คุณหมอตอบข้อสงสัยข้อนี้ให้ค่ะ ว่าที่จริงเอาออกให้ได้เพราะเนื้อเยื่อที่เข้าไปโตในกอเท็กซ์ไม่ได้ลงลึกอย่างที่คนทั่วไปเข้าใจ การเอากอเท็กซ์ออกหมอจะใช้เทคนิคเฉพาะเพื่อไม่ทำให้เนื้อเยื่อเสียหายได้ค่ะ
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
(เราหารูปกอเท็กซ์มาให้ดูค่ะ คุณหมอบอกว่าก่อนใส่จะมีการเหลาทรงให้ ไม่ต้องตกใจว่าจะใส่เป็นแท่งแบบนี้นะคะ 555)
ขอวิชาการนิดนึงค่ะ เราไปอ่านเจอมาสำหรับกอเท็กซ์เนี่ย เป็นวัสดุที่หมอรักษาโรคก็ใช้ในการผ่าตัดทำหลอดเลือดเทียมอยู่แล้วค่ะ ไม่ได้ใช้แค่ทำศัลยกรรมเท่านั้น เราก็เลยอุ่นใจค่ะว่าเป็นวัสดุที่ได้รับการยอมรับวงการแพทย์ ไม่ใช่ของไก่กาที่มโนกันเอง 555
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
ส่วนข้างบนอันนี้ซ้ายเป็นกระดูกอ่อนหลังหู ส่วนขวาเป็นกระดูกอ่อนกั้นกลางจมูก ที่คุณหมอเค้าจะตัดออกมาปรับแต่งเพื่อช่วยยืดความยาวของปลายจมูก และกันไม่ให้จมูกทะลุได้ในอนาคต ซึ่งคุณหมอบอกว่ากระดูกส่วนนี้เป็นส่วนที่ดีที่สุด ดีกว่ากระดูกอ่อนหลังหู(เพราะกระดูกอ่อนหลังหูมีความโค้งเยอะ ไม่เหมาะกับการยืดความยาวยาวจมูกค่ะ) กระดูกอ่อนซี่โครงอีกด้วยค่ะ
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!

รอบนี้กลัวนิดนึงนะคะตรงที่ต้องดมยาสลบอีกแล้ว เราก็กังวลเพราะเคยได้ยินมาว่าถ้าดมยาสลบเยอะๆ จะทำให้ความจำสั้น พอถามเรื่องนี้กับคุณหมอที่เป็นวิสัญญีแพทย์ก่อนทำจมูกคุณหมอก็บอกว่าที่จริงเรื่องนี้เหมือนเป็น Forward Mail ที่คนชอบส่งเรื่องให้เข้าใจผิดๆ ให้กันเมื่อก่อนแหละ ที่จริงดมยาสลบจะมีผลหลังทำคืออาจทำให้เวียนหัว มึนงง หรือถ้าคนที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงก็จะมีอาเจียนในช่วง 1-2 วันแรกแค่นั้นเอง โอเคเคลียร์ สบายใจค่ะ

ตอนก่อนผ่าตัดก็ได้พูดคุยกับคุณหมอก่อนที่ทำจมูกนิดหน่อย แล้วก็ดมยาสลบและก็หลับไปเลย พอตื่นมา เราจะบอกว่าปวดจมูก มึนหัวนิดหน่อยค่ะ ขอพี่พยาบาลดูกระจกเห็นแต่เฝือกครอบไว้ ต้องคอยดูหลังถอดเฝือกสินะ ใจเราอยากเห็นจมูกแล้วว่าดีขึ้นมั้ย หรือทรงเหมือนเดิม แต่ก็ต้องกลับมานอนพักที่บ้านดูแลจมูก ประคบประหงมรอจนถึงวันที่ถอดเฝือกออกค่ะ ช่วงดูแลเราดูแลเหมือนตอนที่ทำจมูกครั้งแรกเลยค่ะ แต่รอบนี้เรากล้าออกไปข้างนอกแล้ว ไปช้อปปิ้งกินข้าวดูหนังปกติเลยค่ะ

[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
สรุป – พอถึงวันที่มาถอดเฝือกคือรีบดูจมูกก่อนเลย แล้วแบบมันตรงกับที่คิดไว้เลย ปลายพุ่งเป็นสัน ดูคมมาก โอ้ยตอนนั้นอยากจะกรี๊ด แต่ก็กลัวคุณหมอตกใจ 5555 ครั้งนี้เราชอบมากนะ คือทำจมูกรอบแรกหน้าก็ดูใสๆ น่ารักดีค่ะ แต่พอโตขึ้นรสนิยมมันก็เปลี่ยนด้วยค่ะ ส่วนเรื่องที่เราไปทำจมูกมาก็มีคนชมนะคะ ว่าหน้าดูคมขึ้นนะ ทำไมหน้าดูจิกขึ้น แต่ก็มีบางคนที่บอกว่าชอบจมูกแบบเก่ามากกว่า แต่มันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกนอยส์นะที่ไปทำจมูกครั้งใหม่ เพราะต่างคนต่างคิดมีคนชอบก็ต้องมีคนไม่ชอบอยู่แล้วนานาจิตตังค่ะ
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
ครั้งที่สี่ – ทำตา (ครั้งสุดท้ายกับการศัลยกรรม?)

พอจมูกใหม่เข้าที่ได้ไม่นาน เราก็มีความคิดที่จะอยากทำตา เพราะเมื่อก่อนเราก็เป็นสาวหมวยๆ ชั้นตาหลบในนี่แหละค่ะ พอเริ่มแต่งหน้าแต่งตาอยู่ๆ ชั้นตาก็มาค่ะ บอกไปก็เหมือนโม้ แต่พูดจริงๆ นะคะ เราแต่งหน้าบ่อยคัดเบ้าตาบ่อยมาก ติดสติ๊กเกอร์ตาบ่อยด้วย มันก็ขึ้นชั้นตามาให้รางๆ แต่เป็นชั้นตาที่มีหลายชั้นซะงั้น ฮือ ก็เลยไปปรึกษากับคุณหมอที่คลินิกเดิมค่ะ เค้าดังเรื่องตาอยู่แล้วเลยไม่คิดจะไปหาทำตาที่อื่นค่ะ ตัดสินใจไม่ยากเลย

วันที่เข้าไปปรึกษา – คุณหมอเราก็บอกปัญหาของเราว่าชั้นตาไม่ชัดมีหลายชั้นด้วย หนูแต่งหน้ายาก คุณหมอเค้าก็เช็กตาให้ คุณหมอก็แนะนำให้กรีดตัดหนังตาเพราะเนื้อตาค่อนข้างเยอะ แล้วก็จะเรียงไขมันที่ตา และให้เปิดหัวตาเพื่อให้ตาดูกลมดูสดใสขึ้น แล้วคุณหมอก็เอาที่ทำชั้นตามาจิ้มตาให้เราดูว่าชั้นตาประมาณไหนถึงจะสวย ซึ่งเราเลือกทำชั้นหนาที่ 8-10 มิลเลยค่ะ เผื่อตาเข้าที่แล้วจะเล็กลงกว่าเดิมด้วย

[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราทำศัลยกรรมแล้วไม่ต้องดมยาสลบ แอบตื่นเต้นนะ เอาจริงๆ ตอนทำอย่างอื่นต้องดมยาสลบใช่มั้ย พอเข้าห้องคุณหมอที่เป็นวิสัญญีแพทย์ให้ยาเราก็หลับ ตื่นขึ้นมาก็จบ แต่อันนี้ทำตาไม่ต้องดมยาสลบค่ะ เพราะเป็นการผ่าตัดเล็ก ก่อนเข้าคุณหมอก็ถามว่าตื่นเต้นมั้ย เราก็บอกตื่นเต้นอยู่ค่ะ คุณหมอก็ชวนคุยเรื่องตาที่จะทำคุยเสร็จก็เข้าห้องผ่าตัด พยาบาลก็ให้นอนที่เตียงแล้วทำความสะอาดหน้า คุณหมอก็เข้ามาขีดๆ ที่ตา แล้วฉีดยาชา
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
ประสบการณ์ครั้งแรกในการฉีดยา เจ็บจี๊ดสิคะไม่ใช่แค่มดกัดนะคะบอกไม่ถูก แต่เจ็บอยู่แป๊ปเดียวนะ หลังจากนั้นก็รู้สึกตาตึง หนัก หลังจากนั้นก็ไม่เจ็บไม่รู้สึกอะไรด้วย มีที่คุณหมอให้ลืมตากระพริบตากรอกตาบ้าง แล้วก็มีมาทำที่หัวตาด้วยค่ะ รู้สึกหวาดเสียวมากเลยแต่ก็ผ่านด้วยดีค่ะ ใช้เวลาไม่นานเกือบชั่วโมงได้ ถ้าเทียบกับที่เราเคยทำอย่างอื่นมาเวลาจะอยู่ที่ 3-4 ชั่วโมง ทำเสร็จพี่พยาบาลก็พาไปนอนพักที่ห้องรับรองแล้วก็ให้เจลเย็นประคบตาอยู่สักพัก เราก็ไปเดินเล่นต่อที่สยามค่ะ ปกติก็จะกลับบ้านเลยเพราะมึนยาสลบ แต่รอบนี้ทำเสร็จไปเดินต่อสยามสบายๆ เลยค่ะ
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
การดูแล 3 วันแรกตาค่อนข้างบวมหลังจากนั้นก็ลดลงเรื่อยๆ เพราะเราคอยประคบเย็นเรื่อยๆ แล้วเราต้องใส่แว่นตาไว้กันฝุ่นช่วงอาทิตย์แรกด้วย เราไม่ค่อยได้ยุ่งกับแผลมาก แต่จะค่อยประคบเย็นมากกว่า ปัจจุบันตาเราไม่บวมแล้วค่ะ ชั้นตาเห็นชัดดี
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
สรุป – ตาดูชัดไม่มีหลายชั้นแล้วค่ะ แต่งหน้าง่ายขึ้น ไม่เปลืองเวลา ไม่ง้อสติ๊กเกอร์แล้วค่ะ บางครั้งเวลาไปทำงานที่เค้ามีช่างแต่งหน้าให้เมื่อก่อนจะโดนบ่นว่าแต่งตายาก เดี๋ยวนี้เค้าชมแล้วค่ะ ว่าตาแต่งง่าย แต่งมาแล้วดูคม หน้าตาก็ดูสดใสมากขึ้นด้วย
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
ชีวิตหลังการศัลยกรรม
เอาตรงๆ ก็มีทั้งเรื่องที่ดี และเรื่องที่ไม่ดีเหมือนกัน แต่ส่วนมากเราว่าดีตั้งแต่ศัลยกรรมมา มันทำให้เรามั่นใจมากขึ้น มีโอกาสในการทำงานที่มากขึ้น หลากหลายขึ้น ได้ท้าทาย ได้ทำให้เราต้องพยายามฝึกตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน วางตัวเองให้เป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเมื่อก่อน เพราะต้องเจอคนที่มากหน้าหลายตามากขึ้นค่ะ ตอนนี้ที่บ้านก็ภูมิใจที่เราเป็นผู้ใหญ่ทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองได้ด้วย
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
แต่เรื่องที่แย่ๆ อย่างเช่นคนที่ชอบจับผิดเรื่องศัลยกรรม เรื่องนี้มีหรอคะที่คนทำมาจะไม่โดนจริงมั้ย? แต่แค่เราไม่เอามาใส่ใจ ทุกอย่างก็จบ สุดท้ายนี้อยากให้ทุกคนเข้าใจ และเปิดรับเรื่องการศัลยกรรมมากยิ่งขึ้น การศัลยกรรมเดี๋ยวนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ทำเพื่อแก้ไขในสิ่งที่เรารู้สึกว่าด้อยหรือแย่ มันเป็นการเติมความมั่นใจอย่างหนึ่ง อย่าดูถูกกันเลยนะคะ ขอบคุณทุกๆคนที่อ่านจนจบนะคะ เขียนผิดยังไงขออภัยด้วยนะคะ
[CR][แชร์ประสบการณ์] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เป็นพริตตี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
Ps. สาวๆ คนไหนอยากคุยอะไร โพสคุยกับเราได้เลยนะคะ ถือเป็นการแชร์ประสบการณ์กัน เราเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ
ทุกคนที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองค่ะ